ทำอย่างไรให้การเรียนเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
การศึกษาของลูกควรจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่เด็กได้เห็น และเข้าใจได้ง่ายๆ การสอนวิชาที่เด็กไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยเห็นเลย เด็กจึงต้องอาศัยการท่องจำเพียงอย่างเดียว เด็กจะเข้าใจยาก ท่องเป็นนกแก้ว นกขุนทอง สอบเสร็จลืมเรียบร้อย เรียกว่า “ เรียนมาเพื่อลืม” เรียนมามากมายเกินกว่าสมองเด็กจะท่องจำไหว
เด็กบางคนจะสนใจแต่บางวิชา คุณครูหัวโบราณ สอนแต่แบบเก่าๆ ไม่เคยปรับปรุง เด็กจะเบื่อวิชานั้น จะมาโทษว่าเด็กสมองทึบไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์มีชื่อทั้งหลายในอดีต สมัยเป็นนักเรียนเคยถูกคุณครูเล่นงานมาแล้วว่า เป็นเด็กไม่ได้เรื่อง เช่น ดาร์วิน และอีกหลายๆ คน แม้แต่ไอสไตน์ ผู้เก่งกาจ แต่ถ้าเด็กได้เรียนเรื่องน่าสนใจ เขาจะสามารถศึกษาได้รวดเร็ว จึงขอฝากคุณครูให้สอนเด็กในระดับความสามารถของเขา สอนให้เขาเห็นจริง เห็นจัง สนุกสนานกับการเรียนมากกว่าการนั่งกัดเล็บ หรือเอามือกุมเป้ากลัวจะโดนไม้เรียวอยู่เรื่อยๆ
เด็กที่ปัญหาในการเรียนจะพาลเกลียดโรงเรียนไปด้วย มองเพื่อนๆ อย่างไม่เป็นมิตร เลยพลอยเข้ากับคนอื่นไม่ได้ คุณครูบางท่านเลยคิดว่าเด็กคนนี้แกล้งทำต่างๆ นานา จริงอยู่เด็กจงใจทำสิ่งที่ไม่น่ากระทำ แต่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนๆ และคุณครูเท่านั้นเอง
เด็กบางคนมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียน การเขียนหนังสือ แต่ชอบการวาดรูป เป็นชีวิตจิตใจ ถ้าคุณครูจับจุดนี้ได้ พยายามส่งเสริมมาก ๆ (ร่วมกับคุณพ่อคุณแม่) เด็กอาจมีความสามารถออกมาเห็นชัดเจนได้รางวัลเป็นเกียตริ ทำให้เพื่อนชื่นชม เด็กจะภูมิใจและจะพยายามเรียนวิชานั้นๆ ให้ดีขึ้น
เด็กบางคนมีปัญหากับโรงเรียนเก่าที่เข้มงวดและสอนแบบโบราณ พอย้ายโรงเรียนที่สอนแนวใหม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ไม่มีไม้เรียวมาคอยขนาบอยู่ เด็กกลับแสดงความสามารถออกมาราวกับเป็นคนละคน
ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับโลกภายนอก
โรงเรียนพยายามให้การศึกษาเด็กที่สัมพันธ์กับโลกภายนอก หวังว่าเด็กจบไปไม่ใช่เป็นหนอนหนังสือ แต่จะสามารถเข้ากับใครๆ ได้ ทำงานสำเร็จ เป็นได้ทั้งเจ้านายที่ดีและลูกน้องที่ดี ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็มีแนวทางจะศึกษาด้านอาชีวะ และยึดอาชีพทางนี้ได้ จึงมีการฝึกวาดรูป ช่างไม้ หัตถศึกษาต่างๆ การดนตรี ขับร้อง กีฬา การตลาด ฯลฯ บางโรงเรียน มีกิจกรรมพวกนี้มากเกินไปจนคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยพอใจ พูดว่า “ ส่งลูกมาเรียนนะคร้าบคุณครู ไม่ใช่มาเป็นช่างไม้” เพราะคุณพ่อหวังว่าลูกควรจะเป็นบัณฑิตไม่ใช่มาเป็นช่างไม้แน่ๆ บางโรงเรียนก็สอน การปลูกผักสวนครัว การทำสวนดอกไม้ ซึ่งเป็นสิ่งดี เพราะบ้านเมืองเราเป็นเมืองเกษตรกรรม คนรักต้นไม้เป็นอารมณ์ดี คนใจดุร้ายไม่ชอบปลูกต้นไม้หรอก
การไปแค้มป์ มีส่วนดีในการฝึกหัดช่วยตัวเองต่อผู้อื่น การตรงต่อเวลา และการรับผิดชอบ เด็กเล็กๆ ก็มีแค้มป์ใกล้ๆ หรือในโรงเรียน เด็กโตก็เดินทางไกลๆ ได้ จะได้ทัศนศึกษาในตัว
เปิดให้เด็กแสดงความคิดอย่างอิสระ
การสอนเรื่องประชาธิปไตยนั้น คุณครูทั้งหลาย ท่านคงทราบดีว่า จะสอนจากตำราอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าผู้สอนยังทำตัวเป็นเผด็จการอยู่ เด็กๆจะไม่เข้าในวิธีปฏิบัติเรื่องนี้ การเรียนในชั้นควรให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจบางอย่าง ถ้าคุณครูคอนสั่งอยู่ตลอดเวลาว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ “ เดี๋ยวโดนหยิกหรอก มัวชักช้าอยู่ได้” พอคุณครูอยู่ในห้องเด็กๆ ก็จะทำงาน พอคุณครูคล้อยหลังเท่านั้นแหละ นกกระจอกแตกรังเลย ทุกคนหยุดทำงาน คุยกัน เอาชูนมากินกัน บางคนแลบลิ้นมาหลอกครูซะอีก ทั้งนี้เพราะเด็กๆ คิดว่าวันนี้ทำเสร็จก็คงเป็นงานของคุณครู งานที่คุณครูสนใจนักจึงบังคับพวกเราทำ แต่พวกเราไม่สนใจเรื่องนี้ จะทำให้เหนื่อยทำไม แต่ถ้าเด็กมีโอกาส มีสิทธิ์ มีเสียงในการเลือกแผนงานที่จะทำจัดกลุ่มกัน และไปเตรียมเรื่องกันมาเอง ตามความเห็นของตนเองและกลุ่มของตน เด็กจะสนใจมากกว่า เพราะรู้สึกว่า งานที่กำลังทำเป็นของตนเองโดยแท้ ไม่ใช่ของคุณครู แกจะภูมิใจมากถ้าทำสำเร็จมีความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกัน เป็นการปูพื้นฐานที่ดีสำหรับความรับผิดชอบ ต่องานของตน และหมู่คณะ ในเวลาเป็นผู้ใหญ่และปูรากฐานประชาธิปไตยเต็มใบในอนาคต
คุณครูร่วมมือกับหน่วยงานด้านเด็ก
หมอเคยได้รับจดหมายหลายๆ ฉบับ จากคุณครูที่น่าสรรเสริญเขียนมาพร้อมกับแนะนำลูกศิษย์ให้มาตรวจร่างกาย จดหมายเหล่านี้ แสดงถึงความสนใจลูกศิษย์ เกรงว่าสาเหตุที่เรียนไม่ดีหรือมีปัญหาที่เด็กมีอยู่ในนั้นจะถูกละเลย เด็กบางคนคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ทราบอาการเลย แต่คุณครูทราบดี
คุณครูยังต้องติดต่อกับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ถ้าเด็กในปกครองมีปัญหา หมอก็อยากติดต่อกับคุณครู ถ้าเด็กมีปัญหาเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคลมชัก ลมบ้าหมู โรคปัญญาอ่อน โรคทางจิต เพราะคุณครูจะเป็นผู้ช่วยให้ยาตอนไปโรงเรียน เด็กจึงต้องการทั้งบ้าน โรงเรียน และหมอไปพร้อมๆกัน
บางโรงเรียนมีแพทย์ประจำ แต่ส่วนมากมีห้องพยาบาลและยาง่ายๆ เช่น ยาลดไข้ แก้ปวด ยาทาแผลเท่านั้น ที่เมืองนอกเขามีแพทย์ประจำโรงเรียน บางโรงเรียนมีจิตแพทย์ด้วย เพราะปัญหาหลายอย่างต้องการจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาช่วยด้วย
คุณพ่อคุณแม่ให้ความร่วมมือกับโรงเรียน
ยากเหลือเกินที่จะพบว่าคุณพ่อคุณแม่พอใจโรงเรียนของลูกมากๆ ก่อนที่ลูกจะเข้าโรงเรียน จะต้องเสาะแสวงหาโรงเรียนที่ดีที่สุดในย่านนั้น แต่พอเข้าไปสักพัก จะมีข้อข้องใจ ไม่พอใจเกิดขึ้นทีละน้อยๆ โรงเรียนที่ดีจะกลายเป็นโรงเรียนไม่ค่อยดีหรือแย่มากๆ ในสายตาผู้ปกครอง ครั้นถามว่าทำไม ไม่เอาเด็กออกเสีย ส่วนมากตอบว่าโรงเรียนนี้ไปรับส่งสะดอกดีบ้าง เด็กมีความประพฤติดี (แต่วิชาไม่ค่อยแน่น) จะไปเข้าโรงเรียนใหม่ก็กลัวว่าจะเข้าไม่ได้ เพราะไม่มีเส้น (เจ้าเส้นนี้นับวันจะสำคัญขึ้นทุกวันทุกที) ไม่มีเงิน ค่าแป๊ะเจี๊ยะให้โรงเรียนใหม่
ถ้าสรุปได้ว่าโรงเรียนที่เราเลือกให้ลูกดีแล้ว แม้จะไม่ได้ดีที่สุดแต่ก็ดีแล้ว คุณผู้ปกครองควรหาหนทางทำความเข้าใจกับโรงเรียน คุณครู และให้ความร่วมมือกับโรงเรียน ถ้าคุณเป็นศิษย์เก่าที่นั้นก็พูดกันง่าย อยากให้โรงเรียนปรับปรุงอะไร ก็เข้าถึงตัวอาจารย์เลย ช่วยกิจกรรมของโรงเรียน เข้าเป็นสมาชิกของโรงเรียน ในสมาคมผู้ปกครอง ให้ความร่วมมือมากที่สุด เพราะจะหาโรงเรียนที่ดี สมบูรณ์ทุกประการคงหาไม่ได้แน่ ควรหาทางปรับปรุงของที่มีอยู่ให้ดีขึ้นนั้นจะเป็นทางออกที่ดีแน่ๆ