อาหารหลักสำหรับลูกวัยแรกเกิดถึง 2 ปี คือ นม หลังจาก 2 ปีไปแล้วนมก็จะกลายมาเป็นอาหารเสริมแทน ทีนี้ก็มักจะมีคำถามว่า ควรให้ลูกกินนมเท่าไร ถึงจะดีพอสำหรับลูก แล้วกินเท่าไรถึงจะพอดีกับขนาดตัวลูก คุณแม่บางท่านชั่งน้ำหนักก่อนและหลังกินนม แล้วจดบันทึกเพื่อเอามาให้คุณหมอดูกันเลยทีเดียว เรามาดูเรื่องนมกันครับ
นมแม่ อิ่มและดีแน่ๆ
ที่จริงแล้วถ้ามีเวลา วิธีการไม่ยุ่งยากลำบาก ทำได้ง่ายๆ ครับ แต่เกณฑ์การประเมินว่าเด็กได้นมพอหรือไม่ ดูจากเด็กกินนมแล้วหลับสบาย ปัสสาวะได้ 6 ครั้งต่อวัน ถ่ายวันละ 2-3 ครั้งต่อวัน น้ำหนักตัวขึ้นดีสม่ำเสมอ หมายถึง การชั่งน้ำหนักตามที่มาพบคุณหมอเพื่อรับวัคซีนตามนัดนะครับ ไม่ใช่ชั่งก่อนหลังกินนมแค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเกณฑ์ที่พูดมาข้างต้นใช้ในเด็กที่กินนมแม่ครับ กรณีจำเป็นจริงๆ เช่น คุณแม่มีภาวะเจ็บป่วยรุนแรง เรื้อรัง ไม่สามารถให้นมลูกได้ ก็ต้องเป็นนมผงสำหรับใช้เลี้ยงทารก ที่จะมีเกณฑ์ต่างไปจากเด็กที่กินนมแม่
ผมมักจะเน้นย้ำให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว (Exclusive Breast Feeding) โดยไม่ให้น้ำหรือนมผงชงสลับเลยในช่วงแรกเกิดถึง 6 เดือน และต้องให้ทันทีหลังคลอดด้วย ฟังดูอาจจะโหดไปสักนิด (ขนาดภรรยาที่บ้านยังบ่นเมื่อผมบอกคุณพยาบาลว่าลูกผมหลังคลอดให้นมแม่อย่างเดียวทันที) จริงๆ แล้วการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นี้มีแต่ดีกับดีและได้กับได้ ดียังไง ก็ดีกับลูกไงครับ
ดีอย่างแรก ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน นมแม่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะมีโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่สามารถเอาไปใช้ได้ทันที มีแลคโตสที่เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีมากที่สุดในนมแม่ แถมไขมันที่อยู่ในนมแม่ยังมีกรดไขมันที่จำเป็นครบถ้วน พ่วงมาด้วยน้ำย่อยไขมันที่มาพร้อมช่วยย่อยเพื่อให้ลูกนำไขมันไปใช้เป็นแหล่งพลังงานได้เต็มที่
ดีอย่างที่สอง เรื่องการสร้างภูมิคุ้มกัน ในนมแม่จะมีสารพิเศษที่ช่วยปกป้องลำไส้จากการติดเชื้อ มีกรดอะมิโนตัวที่ช่วยการเจริญของลำไส้ และมีไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมของสารก่ออนุมูลอิสระในร่างกาย ทั้งหมดจะร่วมมือกันช่วยกระตุ้นให้การสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายลูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ฉะนั้น ลูกที่กินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน จะเจริญเติบโตดี มีภูมิต้านทานที่ดี และมีพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและสมองที่เป็นเลิศ
ส่วนได้กับได้นั้น ได้กับตัวคุณแม่ล้วนๆ คุณแม่จะได้สุขภาพที่ดีหลังคลอด เพราะการให้ลูกดูดนมแม่ทันทีหลังคลอดจะเป็นการกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนที่มีผลช่วยให้การบีบตัวของมดลูกดีขึ้น ก็จะไม่มีภาวะตกเลือดหลังคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น สารบางอย่างในน้ำนมยังส่งผลให้เป็นการคุมกำเนิดคุณแม่ไปในตัว ช่วยสลายไขมันที่สะสมขณะตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านม อีกอย่างที่ได้ คือ ได้คุณภาพเศรษฐกิจครอบครัวที่ดีขึ้น เพราะการให้ลูกกินนมแม่ถือว่าประหยัดที่สุด ประหยัดค่านมผง ค่าขวดนม ค่าเครื่องนึ่งขวดนม ค่าน้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์ และยังประหยัดเวลา สู้เอาเวลาที่ต้องเตรียม ต้องล้าง ต้องชงนมมาพักผ่อนดีกว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่มีเจตนาและพยายามเชียร์ให้คุณแม่ทุกท่านเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แม้แต่องค์การต่างๆ ระดับชาติและระดับโลกต่างก็รณรงค์และสนับสนุนให้เกิดความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการเตรียมความพร้อมกันตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์เลยทีเดียว
นมช่วงหลัง 6 เดือน
หลังจาก 6 เดือนไปแล้วคุณแม่สามารถเริ่มให้อาหารเสริมได้ ชนิดของอาหารเสริมก็สามารถให้ได้ตามตำรา หรือตามเมนูที่ศึกษากันมา ค่อยๆ เริ่ม จะเริ่มจากผลไม้ ผัก แป้ง หรือเนื้อสัตว์ได้หมดเลย ขอแค่เหมาะสมต่อการย่อยของลูกก็พอ ที่สำคัญควรตระหนักไว้ว่า การให้อาหารเสริมเป็นแค่การเตรียมความพร้อมให้ลูกได้ทดลองเคี้ยวอาหาร ได้ลิ้มชิมรสอาหารที่ต่างจากนม ทั้งนี้เพื่อให้ลูกพร้อมที่จะสามารถกินอาหารหลักได้เมื่ออายุ 2 ปี ดังนั้น ช่วงแรกเกิดถึง 2 ปี นมยังคงเป็นอาหารหลัก หลังจากให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวจนถึง 6 เดือนแล้ว คุณพ่อคุณแม่บางท่านเลือกที่จะให้ลูกกินนมแม่ควบคู่กับอาหารเสริม หรือบางครอบครัวเลือกนมผงชงควบคู่กับอาหารเสริมก็ได้ครับ
สัดส่วนนมควรพอเหมาะกับวัยของลูก ซึ่งที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้นว่า นมที่พอดีสำหรับลูกควรเป็นเท่าไรถึงจะดีพอ ตอบว่า ความเหมาะสมของปริมาณนม ควรวัดจากพฤติกรรม การกิน การนอน การขับถ่ายของลูก และอาจใช้น้ำหนักตัวเป็นตัวช่วยได้ หากลูกหลับสบายไม่ตื่นงอแงหิวบ่อย แสดงว่านมที่ได้รับปริมาณเพียงพอ เพราะความจุของกระเพาะเด็กจะค่อยๆ ขยายออก แรกเกิดอาจจะตื่นร้องกินนมทุกชั่วโมง เมื่ออายุลูกเพิ่มขึ้นขนาดกระเพาะใหญ่ขึ้นก็จะอิ่มได้นาน ระยะห่างในการตื่นก็จะยาวออกไปปัสสาวะและอุจจาระควรปกติทั้งลักษณะและจำนวน สิ่งที่แปลกอัศจรรย์คือ ธรรมชาติและร่างกายลูกจะเป็นตัวบอกเองว่าปริมาณเท่านี้อิ่มแล้ว คุณพ่อคุณแม่แค่คอยดูแลให้เป็นไปตามกลไกและคอยเฝ้าระวังความผิดปกติจากพฤติกรรมการนอน การขับถ่ายของลูกที่แสดงออกมา เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนก็พอครับ
สิ่งที่ผมไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่มองข้าม คือเรื่องหย่าขวดนม ต้องไม่ลืมว่าวันหนึ่งลูกเราต้องเลิกใช้ขวดนม เพราะการใช้ขวดนมยิ่งนานเท่าไรยิ่งมีผลเสียต่อสุขภาพฟัน และความสามารถในการกินอาหารปกติ การหย่าขวดนมจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการฝึก คุณพ่อคุณแม่ สามารถฝึกให้ลูกได้ลองดื่มน้ำดื่มนมจากแก้วได้ ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะทำไม่ได้นะครับ จริงๆ แล้วพัฒนาการกล้ามเนื้อของลูกพร้อมหยิบจับตั้งแต่ 6 เดือนแล้ว ใจเย็นๆ ค่อยๆ ฝึก ให้ลูกลองจับแก้ว ซึ่งการให้ลูกจับหูแก้ว ยกน้ำ ยกนมขึ้นดื่ม นอกจากได้เรื่องพัฒนาการกล้ามเนื้อแล้วยังได้ประโยชน์จากการหย่าขวดนมเร็วอีกด้วย เกณฑ์เด็กไทยคือ 1 ปีครึ่ง ต้องไม่พึ่งขวดนมนะครับ ถ้าอย่างนั้นเราลองมาท่องเพื่อสรุปทบทวนพร้อมกัน
“กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน ค่อยเริ่มอาหารเสริม 1 ปีครึ่ง ต้องไม่พึ่งขวดนม” ท่องยากหน่อยนะครับ เพราะไม่คล้องจองกันเลย
แหล่งที่มา Mother&Care Magazine, มาเธอร์แอนด์แคร์ คู่มือเลี้ยงลูก เพื่อ คุณแม่สมัยใหม่ ตั้งแต่ ตั้งครรภ์ จนถึงลูกอายุ 9 ปี
ติดตามอ่านฉบับเต็มแบบออนไลน์ได้ที่ Mother&Care e-Magazine
หรือ ติดตามที่ Community Club คุณแม่ Facebook Mother&Care ที่รวมเรื่องราวเรื่องน่ารู้ สำหรับคุณแม่มือใหม่คะ